Movie online The Hunger Games : Mockingjay Part 2 สำหรับหนังเรื่องนี้นะครับ พูดง่ายๆเลยก็คือ เป็นครึ่งหลังของหนังสือ Mockingjay ที่เป็นเล่มสุดท้ายของ The Hunger Games นะครับ บอกตามตรงเลยว่า ผมหวังไว้ข่อนข้างเยอะนะครับ เพราะว่าเท่าที่ดู 3 ภาคที่ผ่านมา
ผมรู้สึกว่า ซีรีย์นี้เนี่ย เป็นซีรีย์ที่มีความแกร่ง ในด้านการแสดงมาก ซึ่งผมได้ดูใน ดูหนังหนังออนไลน์ ที่รวมทุกการดูหนังทั้งเบื้องหน้า เเละ รวมไปถึงการถ่ายทำ ฉากแอ็คชั่นหลายๆอย่าง มันก็ดูลงตัวดี ถึงแม้ว่า Mockingjay Part 1 เนี่ย มันจะค่อนข้างช้า ดูอืดๆไปบ้างอะไรงี้ แต่คือมันก็เข้าใจได้นะครับ เพราะว่าก็รู้ๆกันอยู่ ว่าหนังสือเล่มเดียว
มันแบ่งออกเป็นสองตอนอ่ะ ตอนแรกมันต้องน่าเบื่ออยู่แล้วแหละ เพราะส่วนมาก มันก็จะเป็นการ ปูเนื้อเรื่องอะไรซะมากกว่า เพราะฉะนั้นภาคนี้นะครับ ผมก็หวังไว้สูงเลยว่า มันจะต้องออกมาแบบอลังการ อีปิคมากๆ เหมือนแฮรี่ พาร์ท 2 แน่ๆเลย เป็นมันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ เพราะผมรู้สึกว่าผมไม่ได้อย่างที่ผมหวังนะ
โอเคเรามาคุยกันใน Movie online ของพอร์ทเรื่องกันก่อนนะครับ เริ่มต้นมาเนี่ย จะต่อเนื่องจาก Part 1 ทันทีเลยครับ เพราะฉะนั้นขอเลยนะครับ ใครที่จำไม่ได้ ขอให้ไปดูก่อนนะครับ แล้วค่อยมาดูภาคนี้ เพราะมันจะได้เชื่อมต่อกันครับ ไม่งั้นมันอาจจะมึนๆได้ครับ
คือภาคนี้พูดง่ายๆก็คือ กลุ่มกบฎเนี่ย ตอนนี้รวบรวมพลังได้ทั่วทุกเขตแล้วแหละ คือตอนนี้กำลังคนโหดพอแล้ว กำลังจะเข้าไปบุก แคปปิตอล เลย ก็คือพูดง่ายๆเลย มันก็เป็นการก่อกบฎ ครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ของ พานิม ที่แบบว่า พยายามจะล้ม ไฮซิเด้นท์ สโนว์ อะไรอย่างงี้ หลักๆมันก็ประมาณนี้
แต่ว่ามีอีกส่วนที่น่าสนใจก็คือ ส่วนของตัวละครอย่าง พีตาร์ ที่ท้ายๆของหนังภาคที่แล้วเนี่ย หลายๆคนก็คงได้ดูกันมาแล้วเนาะ ก็เอาเป็นว่า พีตาร์เนี่ยโดนทรมาน สารพัด สารเพ จนสมองไปหมดแล้วนะครับ ภาคนี้ก็เหมือนเป็นจุดนึง ที่สำคัญเลยอ่ะ ตรงที่ว่าไอ้เจ้าพีตาร์เนี่ย ตกลงมันอยู่ฝั่งไหนกันแน่ ก็ไปติดตามกันในหนังนะครับ
ก่อนที่ผมจะเข้าสู้โหมดบ่นนะครับ ผมจะพูดถึงด้านดีๆ ของหนังเรื่องนี้กันก่อน อันดับหนึ่ง ที่มาวินแน่ๆ ที่ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้ว นั่นก็คือการแสดงนั่นเอง เพราะว่าหนัง แฟรนไชน์ เนี้ย ผมบอกตามตรงนะครับว่ามัน เป็นแฟรนไชน์ ที่มีนักแสดงเยอะมาก แล้วแต่ละคนก็มีโอกาส เฉิดฉาย เจิดจรัส ในหนังเรื่องนี้กันพอสมควร
ก็ยกตัวอย่างนะครับ อย่าง เลียม เฮมส์เวิร์ท ในบท เกล ภาคนี้ก็เรียกว่าโผล่มาเยอะมากนะครับ แล้วก็ดูมีความสำคัญกับบทมากขึ้น ก็เรียกว่าสาวๆ น่าจะถูกใจกันน่ะเนาะ ในส่วนของ จอช ฮัชเชอร์สัน ที่เล่นในบท พีตาร์ นะครับ
หลังจากที่เป็นผู้ชายเตี้ยๆ ตัวเล็กๆแบบ วิ่งไปวิ่งมาให้คนนู้น คนนี้ช่วยนะครับ ภาคนี้ก็ดูมีมิติมากขึ้น แล้วก็มีความน่าสนใจ ในตัวละครตัวนี้มากขึ้น มีมุมมองอะไรหลายๆอย่าง เข้ามาเสรืม ทำให้เรารู้สึกว่า แคตนิส น่าจะชอบคนนี้ได้ หลังจากที่ดูมา 3 ภาคแล้ว ผมรู้สึกว่า เกล ชนะเห็นๆ พีตาร์มีความสำคัญด้วยหรอ อะไรประมาณนั้น
และแน่นอนว่า คนที่เด่นมากๆ ในภาคนี้นั่นก็คือ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ในบท แคตนิส เอฟเวอร์ดีน แล้วก็ โดนัลด์ ซัทเธอร์แลนด์ ในบท ประธานาธิบดี สโนว์ สองคนนี้ก็คือ เป็นตัวละคร ที่เฉิดฉายมาก สำหรับฝั่ง แคปปิตอล กับ ฝั่งกบฎ
เพราะฉะนั้นภาคนี้ ก็เหมือนทุกภาคนั่นแหละครับ การแสดงเรียกได้ว่า สุดยอดมากๆครับ ยกนิ้วให้เลย อีกส่วนหนึ่งที่ผมมองว่า เป็นด้านดีมากๆ ของหนังเรื่องนี้เลย ก็คือในส่วนของทางด้านเนคนิคทั้งหลายน่ะครับ นั่นก็คือการตัดต่อ การถ่ายภาพ การผสมเสียง การใช้ Sound Track คือมันเป็นการเล่นกับอารมณ์คนดู ที่เรียกได้ว่าได้ผลน่ะครับ
ถึงเวลาเป็นฉากแอ็คชั่น สไตล์การตัดต่อ สไตล์การถ่ายทำ อะไรหลายๆอย่าง มันก็ดูลงตัวนะครับ ทำให้เราลุ้นตาม มีอารมร์ร่วมกับฉากที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมก็เลยมองว่า มันเป็นสิ่งที่ดี
ที่นี้ก็มาถึงในส่วนที่ Movie online หลายๆคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับผมนะครับ ถ้าเกิดใครชอบหนังเรื่องนี้ ผมก็ไม่ว่านะครับ ด้วยความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ แต่ผมอยากจะบอกนะครับ จากส่วนตัวผมนะว่า ผมไม่ชอบบทของหนังภาคนี้เลยนะครับ ทำไมรู้ไหมครับ เพราะว่าจังหวะการเล่าเรื่องเนี่ย
มันไม่ค่อยไหลลื่นเลยครับ แล้วมันก็เหมือนคนสตาร์ทรถไม่ติดอ่ะ พอจะนึกภาพออกไหมครับ อย่างเช่น ช่วงแรกๆของหนังเนี่ย จะเจอกับฉากพูดคุยมากมายเลย น่าจะเกินครึ่ง ชม. อ่ะ ในความรู้สึกของผมนะ คือเป็นฉากพูดคุยที่ ไม่มีการพัฒนาตัวละคร ไม่มีการพัฒนาเนื้อเรื่อง อะไรเท่าไหร่เลย
คือดูแล้วรู้อ่ะครับ ว่ามันคือบทสนทนา ที่ใส่เข้ามาเพื่อที่ให้หนังมันยาวขึ้น ก็เนาะมันถูกแบ่งออกเป็น สองตอน ถูกไหม เนื้อหาในหนังสือมันคงไม่พอ ที่จะให้ทำออกมาเป็นหนัง ที่มีความยาวตั้ง 5 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นมันก็เลยต้อง ใส่นู่น ใส่นี่เข้ามา
เพื่อที่ให้หนังมันยาวขึ้น แล้วประเด็นมันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ คือบทสนทนา มันไม่น่าสนใจไง พอเราดูมันก็ทำให้เรารู้สึกเบื่อ แล้วทีนี้พอถึงเวลาที่มันมีฉากแอ็คชั่นเข้ามา มันจะดูเป็นฉากอะไรที่น่าตื่นเต้นเอามากๆเลย แต่ว่ามันก็ให้ความรู้สึกเหมือนคนสตาร์ทรถอ่ะครับ ที่กำลังจะสตาร์ทติดแต่อยู่ๆ มันก็ไม่ติดซะอย่างนั้น
แล้วมันก็จะมีฉากกลับมาคุยกันต่อ ซึ่งมันก็เหมือนเดิมอ่ะครับ ไม่ได้คุยที่มันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลย เหมือนคุยกันไปอย่างงั้นอ่ะ สักพักก็เอาอีกแล้ว เริ่มสตาร์ทรถอีกครั้ง เพราะฉากแอ็คชั่นเจ๋งๆกำลังมา แล้วเครื่องก็ดับไปอีกครั้ง อะไรประมาณนี้ครับ มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกแบบ ดูไปนานๆมันรู้สึกเบื่อ
แล้วก็ความยาวของหนัง 2 ชั่วโมง 20 นาที ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ ที่มันมีเนื้อหาจริงผมว่าน่าจะไม่เกิน ชั่วโมงครึ่งอ่ะ ที่เหลือเนี่ย คือเราดูออกเลยว่ามันเป็นการ พยายามยัดอะไรเข้าไป ให้มันมีเนื้อหา พูดง่ายๆเลยก็คือให้หนังมันยาวขึ้นอีกหน่อยอ่ะ แบบจะทำหนังชั่วโมงครึ่งก็รู้สึกอาย เพราะนี่มันหนังภาคจบเลยนะ
ผมรู้สึกว่าผมบ่นหนังเรื่องนี้ มากกว่าที่ผมตั้งใจไว้เยอะเลยนะครับ มันอธิบายยากนะครับ มันมีบางส่วนของหนังที่ผมชอบมากๆเลยนะครับ แล้วก็มี มีบางส่วนของหนังที่ผมไม่ชอบเลย ทำให้มันออกมาแล้ว ผมรู้สึกก้ำกึ่ง กลางๆไม่มีอะไรน่าโดดเด่น ไม่มีอะไรน่าจดจำสักเท่าไหร่ ก็ประมาณนี้แหละครับ ถึงแม้ผมจะบ่นอะไรไปเยอะแยะมากมาย แต่ผมก็ยังชอบหนังเรื่องนี้อยู่บ้างนะ ก็ไม่ใช่ว่าจะเกลียดมันไปเลย อันนี้ย้ำกันนิดนึงนะครับ เผื่อใครเข้าใจผิด
เป็น Movie online ที่ทำออกมา ไม่ค่อยเหมาะกับหนังภาคจบ สักเท่าไหร่ คือผมรู้สึกว่ามันน่าจะทำได้มากกว่านี้ แล้วผมก็รู้สึกผิดหวังเลยแหละ ทางด้านการแสดง ทางด้านเทคนิค การถ่ายภาพ การตัดต่อ อะไรทั้งหลายเรียกได้เลยว่า ทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐานของหนังนะครับ ในส่วนนี้ไม่มีที่ติเลย เพียงแต่ตัวหลักๆเลย ที่ทำให้ทุกๆอย่าง มันดูแย่ไปหมด ก็คือ ส่วนของบทนะครับ ที่พยายามยัดฉากที่ไม่จำเป็น เข้ามามากมาย รวมถึงตอนท้ายๆ ที่ทำออกมาได้ไม่สุดนะครับ ทั้งหมดก็จะประมาณนี้ เเต่หากคุณอยากพบกับหนังที่มีการสปอย เเบบเรื่องจริง ไม่หลอกกัน ติดตามต่อไปได้ที่ gatherco.uk กันครับ
